วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ความเชื่อผิด เข็มทิศผิด เดินผิดทาง



ความเชื่อผิด เข็มทิศผิด เดินผิดทาง

คนทุกคนดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ คนที่เชื่อว่าเงินจะทำให้ชีวิตดีขึ้น จะทุ่มเทหาเงิน คนที่เชื่อว่าคนเราทำอะไรก็ได้ ถ้าพยายาม จะไม่เคยยอมแพ้แม้ว่าโอกาสสำเร็จจะน้อยแค่ไหนก็ตาม

ความเชื่อหลายๆอย่าง ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นมากครับ แต่ยังมีความเชื่ออีกหลายอย่าง ที่ลึกๆ มนุษย์เกือบทุกคนเชื่อ  แต่มันดันมันไม่จริง และความเชื่อพวกนี้ นำไปเราไปสู่การวางแผนดำเนินชีวิตที่ไม่ถูกต้องไปด้วย

อย่างแรกที่ผมสังเกตเห็น คนส่วนใหญ่จะเชื่อว่า"ตัวเองมีเหตุผล ดำเนินชีวิตด้วยตรรกะ" แต่จริงๆ แล้วเกินกว่า 50% คนเราตัดสินใจทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์ล้วนๆบางครั้งเราก็เดินเข้าร้านอาหารที่เคยคิดว่าแพงเกินไป เพียงเพราะเดินผ่านไปแล้วรูปหน้าร้านดูน่ากิน บางครั้งในตลาดหุ้นเราก็ไล่ซื้อหุ้นที่ราคาพุ่งสูงขึ้นในวันนั้น ทั้งที่วิเคราะห์มาอย่างดีว่าราคาแพงเกินไปแล้ว เพียงเพราะอารมโลภ อารมฮึกเหิมตามเพื่อน คนเรามักโดน "อารมณ์หลอกเหตุผล" อยู่เสมอๆ 

ความเชื่อนี้ทำนักลงทุนเจ๊งมาเยอะ บางครั้งไปดูคอนโด ทั้งๆ ที่รู้ว่าแพงไปลงทุนไม่ได้ แต่พอไปหน้างาน  ส่วนกลางมันดันสวย น่าครอบครองสุดๆ เราจะมีเหตุผลขึ้นมาทันทีว่าคอนโดนี้มันทำไมมันไม่แพง "ตึกนี้มันดีมากๆ ดีกว่าตึกรอบๆ ทั้งหมด เดี๋ยวราคามันจะขึ้นไปอีก"

สำหรับนักลงทุนที่เข้าใจว่าคนเราเอาชนะอารมณ์ได้ยาก จะพยายามวางแผนอย่างดีก่อนลงทุน เพื่อให้มีแผนการเพื่อยึดเหนี่ยว ไม่โดนอารมณ์พาไป และก็มักจะไม่ตัดสินใจหน้างาน หรือก่อนตัดสินใจทุกครั้งจะถามตัวเองย้ำๆ ถึงเหตุผลที่แท้จริง

ความเชื่ออีกอย่างนึงที่ไม่ถูกนัก แต่คนก็ยังเชื่อกันคือ "เราควบคุมตัวเองได้" จริงๆ แล้วหลายๆ ครั้ง เราควบคุมไม่ได้หรอกครับ สังเกตง่ายๆ ใครก็ตามที่บอกว่าเงินเดือนใช้ไปก่อน ประหยัดหน่อย เหลือค่อยเก็บออม  "ไม่เคยมีเงินออม" เราจะมีเหตุผลดีๆ ในความจำเป็นต้องใช้เงินให้กับตัวเองทุกๆ เดือน

สาวๆ มักจะตั้งมั่นบอกตัวเองเสมอว่า"จะไม่ชอปแล้วนะ"(พร้อมทำหน้าตาจริงจัง) แต่พอเจอของตัวแดงเท่านั้นหละ นักการเงิน รู้จุดอ่อนมนุษย์จุดนี้ดี เลยมักจะแนะนำคนเก็บออมว่า "เงินเดือนออก ตัดไปออมก่อนใช้เลย"

อีกความเชื่อที่น่าสนใจคือ "ผมนี่หละเก่งกว่าคนทั่วไป ผมเป็นคนส่วนน้อย" นักลงทุนจะรู้กันดีว่าคนส่วนน้อยจะเป็นคนประสบความสำเร็จ คนส่วนใหญ่หมดตัว แต่ก็ดันมักจะคิดว่าตัวเองจะเป็นคนส่วนน้อยนั่น ที่จะประสบความสำเร็จตั้งแต่ธุรกิจแรกที่ลงมือทำ

ความเชื่อนี้ทำให้นักลงทุนหน้าใหม่ลงทุนอย่างประมาท ตัดสินใจอะไรไวไป ซื้อหุ้นพอราคาลงก็ถัวๆ เพราะคิดว่าความคิดตัวเองถูกแน่นอน จนติดดอยหุ้นตัวเดียวทั้งพอท แดงยาว จากนั้นจะเงียบๆ ไม่คุยเรื่องหุ้นกับใครจนกว่าหุ้นตัวนั้นจะกลับมาเขียว ถ้าหุ้นตัวนั้นดันไม่กลับมาเขียวอีกเลย แทนที่จะโทษว่าตัวเองพลาดไม่ยอมบริหารความเสี่ยง หรือมองอะไรพลาดไป ดันไปคิดว่า"ผมวิเคราะห์มาถูกแล้ว แต่ตลาดหุ้นมันห่วย มีเจ้ามือลาก " กลายเป็นความผิดของตลาดไปอีกซะงั้นแม้เราจะเก่งกว่าคนทั่วไปได้ในบางเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่อง และไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน "เหนือฟ้า มีอวกาศเสมอ"

การลงทุนทุกครั้งเราถึงต้องวางแผนอย่างดี ไม่ประมาท และมีแผนสำรองกรณีที่เราพลาดไว้เสมอ อย่าคิดว่าจะต้องทำข้อสอบได้เต็มเสมอ "โรงเรียนชีวิตไม่มีนักเรียนคะแนนเต็มครับ"

ความเชื่อสุดท้ายที่ผมอยากเขียนถึงวันนี้คือ "เชื่อว่าความเชื่อเป็นข้อเท็จจริง" ความเชื่อส่วนใหญ่จริงๆ แล้วเป็นเพียงสมมุติฐานครับ อย่าออกตัวแรง อย่าไปหลงคิดว่าความเชื่อของตัวเองคือข้อเท็จจริง และคิดว่าใครเชื่อไม่เหมือนตัวเองผิดหมด หลายๆ คนเป็น แต่ยังไม่รู้ตัว (แม้แต่ตอนที่กำลังอ่านบทความนี้อยูก็ตาม)

ความเชื่อนี้ส่งผลให้เราเสียโอกาสในการเรียนรู้มากๆ คนเราเสียโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองไปเยอะ เพียงเพราะเชื่อว่าคนที่เชื่อหรือคิดไม่เหมือนตัวเองผิดหมด (เพราะดันไปเชื่อว่าความเชื่อของตัวเองคือข้อเท็จจริง) จากนั้นปิดหู ไม่ต้องเรียนรู้อะไรต่อ เพราะข้อมูลพวกนั้นมันผิด  สุดท้ายไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเลย

ความเชื่อจะเป็นเข็มทิศนำความคิดของเรา และความคิดจะนำการกระทำอีกที ความเชื่อที่ถูกต้อง รู้เท่าทันตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญ เราอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเชื่อบางอย่างได้ แต่เราสามารถบริหารจัดการมันได้ครับ

ผมเองก็มีความเชื่อที่นำทางผิดมากมาย คุณหละ มีความเชื่ออะไรแบบนี้บ้างรึเปล่า?


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น